วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การแก้ไข NTLDR is missing

NTLDR is missing Press Ctrl+Alt+Del to Restart 
เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย และเจอกันบ่อยมากในระบบปฏิบัติการที่เป็น XP ทั้งNotebook และPC ครับ แก้ได้เร็วก็ได้เงินเร็วครับ 

บอกคำเดียวว่าไม่เกี่ยวกับไฟล์boot.ini หรือNTDTECT.COM เลยแม้แต่น้อย เำพราะถ้าเกิดไฟล์ 
NTDTECT.COM หายไปจะทำให้เครื่องรีเซ็ตตัวเองวนไปวนมาทันที แต่ถ้าไฟล์NTLDR หายก็จะฟ้องข้อความแบบนี้แหล่ะครับ ไปหามาแล้วจับไปวางที่ C:\Windows แค่นั้นก็สิ้นเรื่องครับ 

ขั้นตอนของผมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีจับเวลาได้เลยครับรับรองล้านเปอร์เซนต์เข้าสู่วินโดว์ได้ปกติ 
1.ไปติดตั้งExplorer XP จากเครื่องอื่นที่มีวินโดว์XP หรือถ้าไม่มีหา ดาวน์โหลด มาไฟล์เล็ก ๆ พอติดตั้งเสร็จจะเป็นรูปเรือใบนั่นแสดงว่าใช่  
2.เสียบFlashDrive เข้าไปเพื่อเตรียมไว้ก็อบไฟล์NTLDR 
3.เปิดโปรแกรมExplorer XP ขึ้นมา คลิ๊กที่ C: 
4.ซึ่งทำไมต้องใช้โปรแกรมนี้เพราะโปรแกรมพวกนี้จะแสดงไฟล์บู๊ตของระบบปฏิบัติการให้เห็น หรือถ้าใครไม่ใช้Explorer XP ก็สามารถใช้Windows mini หรือVista PE ก็ได้เหมือนกันมีอยู่ในแผ่นทั่วไปไม่ว่าจะเป็น Quick'106 หรือHiren'10.5 เป็นต้น 
5.พอเห็นไฟล์บู๊ตNTLDR ให้ทำการCopy เข้าสู่FlashDrive ได้เลย จุดสังเกตพอCopy ลงเสร็จแล้วไฟล์นี้จะมองไม่เห็นที่ตัวFlashDrive ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จะมองเห็นก็ต่อเมื่อนำไปเสียบเข้ากับเครื่องที่ไฟล์ 
NTLDR หาย 
6.เป็นขั้นตอนสุดท้ายครับนำแฟลซไดรว์มาเสียบเข้ากับเครื่องที่ ไฟล์NTLDR หาย จากนั้นบู๊ตแผ่นWindows mini หรือVista PE ก็ได้มีในแผ่น Quick'106 หรือHiren'10.5 จากนั้นก็ก็อบไฟล์NTLDR จากแฟลซไดรว์ลง C:\Windows แล้วรีเซ็ตเครื่อง 1 ครั้งเพื่อทำให้ระบบสมบูรณ์ 

ข้อมูลจาก   www.mainboardelectric.com

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กลุ่มอาการเสียของคอมพิวเตอร์

ลักษณะอาการเสียของเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนั้นในการตรวจหาสาเหตุของอาการเสีย ก็ให้ดูว่าเป็นอาการเสียที่อยู่ในกลุ่มใดดังนี้

1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code
                 ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป

2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ
                  การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น
CMOS checksum Error
CMOS BATTERY State Low
HDD Controller Failure
Diskplay switch not proper
ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น

3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ
                   วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้